ดูดไขมันทั้งตัว กำจัดไขมันส่วนเกิน เจ็บน้อยด้วยเทคนิค LAMS

ดูดไขมันทั้งตัว
สารบัญดูดไขมันทั้งตัว

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่พยายามลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย แต่ยังมีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่กำจัดได้ยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือแผ่นหลัง การดูดไขมันทั้งตัวอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม วันนี้ 365mc Thailand ขอนำเสนอการดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS ซึ่งเป็นการดูดไขมันแบบแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ไม่ต้องดมยาสลบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรูปร่างทั้งตัวแบบรวดเร็ว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS อย่างละเอียด พร้อมข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

ดูดไขมันทั้งตัวคืออะไร

การดูดไขมันทั้งตัว คือกระบวนการดูดเอาไขมันส่วนเกินออกจากหลายจุดในร่างกายภายในครั้งเดียว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา หลัง เอว หรือแม้แต่เหนียงใต้คาง เพื่อช่วยปรับปรุงรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่สมดุลมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งแม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็ยังไม่สามารถกำจัดได้หมด การดูดไขมันทั้งตัวจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วมากกว่าการลดน้ำหนักด้วยวิธีทั่วไป

เทคนิค LAMS คืออะไร แตกต่างจากการดูดไขมันทั่วไปยังไง

เทคนิค LAMS หรือชื่อเต็มว่า Local Anesthetic Minimal-Invasive System คือการดูดไขมันที่ใช้ยาชาเฉพาะจุดแทนการวางยาสลบ ลดความเสี่ยงระหว่างทำหัตถการ และช่วยให้ผู้รับบริการฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม เทคนิคนี้เน้นการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก แผลเล็ก เจ็บน้อย และมีการควบคุมชั้นไขมัน แตกต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิมที่มักต้องพักฟื้นนาน ใช้ยาสลบ และมีอาการบวมช้ำมากกว่า ทำให้ LAMS กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งความเจ็บน้อยและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เข้ากับสรีระของตนเอง

ข้อดี-ข้อจำกัดของการดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS

แม้การดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS จะได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนที่ต้องการปรับรูปร่างอย่างรวดเร็ว แต่เช่นเดียวกับทุกหัตถการ เทคนิคนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ดังนี้

ข้อดีของเทคนิค LAMS

  • เจ็บน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม เพราะใช้เพียงยาชาเฉพาะจุด ไม่ต้องวางยาสลบ
  • แผลขนาดเล็ก ลดโอกาสเกิดแผลเป็น สามารถฟื้นตัวได้เร็ว
  • ลดไขมันเฉพาะจุดได้เป็นอย่างดี สามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนในเวลาอันสั้น
  • ลดความเสี่ยงจากการดมยาสลบ เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความปลอดภัย
  • สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ไว ไม่ต้องพักฟื้นนาน

ข้อจำกัดของเทคนิค LAMS

  • ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความรู้เรื่องเทคนิค LAMS เท่านั้น เพื่อความแม่นยำและสามารถดูแลผู้รับบริการให้ปลอดภัยได้
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปริมาณไขมันมากจนเกินไป เพราะอาจต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง
  • อาจมีอาการบวมช้ำในช่วงแรก ซึ่งเป็นปกติของการดูดไขมัน
  • ราคาสูงกว่าบางเทคนิคทั่วไป เนื่องจากใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเฉพาะทาง

ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันทั้งตัว

การดูดไขมันทั้งตัวไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่จะให้ผลลัพธ์ดีที่สุดในกลุ่มที่มีปัญหาเฉพาะทางด้านรูปร่างหรือไขมันสะสมบางจุดที่ไม่ตอบสนองต่อการควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย โดยกลุ่มคนที่เหมาะกับการดูดไขมันทั้งตัว ได้แก่

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมหลายจุดในร่างกาย เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา และแผ่นหลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่ไขมันมักสะสมดื้อด้านและลดได้ยาก แม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างจริงจัง
  • ผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือเกินเล็กน้อย แต่รูปร่างยังไม่สมส่วน มีสัดส่วนที่ไม่บาลานซ์ เช่น ช่วงล่างใหญ่กว่าช่วงบน หรือมีพุงแต่แขนขาเล็ก ทำให้เสื้อผ้าใส่ไม่พอดี ดูไม่มั่นใจในรูปร่างของตนเอง
  • ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักแล้วแต่ยังมีไขมันที่ไม่สามารถกำจัดออกได้ โดยเฉพาะในจุดที่เรียกว่า “ไขมันดื้อ” เช่น เหนียง ข้างลำตัว หรือไขมันด้านหลัง ซึ่งตอบสนองต่อการออกกำลังกายน้อย
  • เหมาะอย่างยิ่งกับคุณแม่หลังคลอด ที่ต้องการฟื้นฟูรูปร่างให้กลับมาดูดีอย่างมั่นใจอีกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและเอวที่มักมีไขมันสะสมและผิวหย่อนคล้อยหลังการตั้งครรภ์
  • ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดใหญ่หรือการพักฟื้นนาน การดูดไขมันด้วยเทคนิคใหม่จึงเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพ
  • ผู้ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวหรือภาวะที่เป็นข้อห้ามในการทำหัตถการ เช่น โรคหัวใจรุนแรง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต
ดูดไขมัน vs LAMS

ดูดไขมันทั้งตัวแบบปกติ VS ดูดไขมันทั้งตัวเทคนิค LAMS

การดูดไขมันทั้งตัวแบบดั้งเดิม มักใช้วิธีวางยาสลบและเปิดแผลขนาดใหญ่เพื่อใส่ท่อดูดไขมันเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง แม้จะสามารถดูดไขมันออกได้ปริมาณมากในครั้งเดียว แต่ก็มักมีผลข้างเคียง เช่น อาการบวมช้ำมาก พักฟื้นนาน และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบ

 

ในขณะที่เทคนิค LAMS ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่อ่อนโยนกว่า โดยใช้เพียงยาชาเฉพาะจุด ไม่ต้องวางยาสลบ เครื่องมือมีขนาดเล็ก แผลเล็ก เจ็บน้อย ลดโอกาสเกิดแผลเป็น ฟื้นตัวได้เร็วกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างแบบรวดเร็วแต่มีความเจ็บที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้เหมาะกับเคสที่ไม่ต้องการดูดไขมันจำนวนมากเกินไป และควรทำโดยแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการดูดไขมันทั้งตัว

ก่อนเข้ารับการดูดไขมันทั้งตัว การเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดี ฟื้นตัวได้ไว และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยควรปฏิบัติดังนี้

  • งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนทำ หากแพทย์แนะนำให้วางยาสลบหรือทำร่วมกับการดมยาสลบ
  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน วิตามินอี โสม น้ำมันปลา หรือยาแก้อักเสบบางประเภท อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ
  • งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะส่งผลต่อการสมานแผลและการไหลเวียนของเลือด
  • แจ้งประวัติสุขภาพโดยละเอียด รวมถึงโรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ และประวัติแพ้ยา เพื่อความปลอดภัยในการทำหัตถการ
  • เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายหลังทำ เช่น ใส่ชุดหลวม ๆ หรือเสื้อผ้าแบบซิปหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดสีกับแผล
  • หากต้องเดินทางมาเอง ควรมีผู้ติดตาม เพราะหลังทำการดูดไขมัน อาจยังไม่สามารถขับรถหรือดูแลตัวเองได้เต็มที่

ดูแลตัวเองหลังดูดไขมันทั้งตัว ทำยังไงให้เข้าที่เร็ว

หลังจากดูดไขมันทั้งตัว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีมีผลอย่างมากต่อการฟื้นตัวและผลลัพธ์ที่เรียบเนียนสวยเข้ารูป โดยเฉพาะในช่วง 1–3 เดือนแรกที่ร่างกายอยู่ในช่วงฟื้นฟู การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้ไขมันเข้าที่เร็วและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการออกแรงหนัก เช่น การยกของหรือออกกำลังกายหนักในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนบริเวณที่ดูดไขมัน
  • งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพราะส่งผลต่อการสมานแผลและการฟื้นตัวของร่างกาย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยในการขับของเสียและลดอาการบวม
  • เข้ารับบริการนวดกระชับหรือนวดระบายน้ำเหลือง (Lymphatic Drainage Massage) ตามคำแนะนำ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • มาติดตามผลตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินผลลัพธ์และดูแลอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ

ดูดไขมันทั้งตัวเจ็บไหม

ความรู้สึกเจ็บจากการดูดไขมันทั้งตัวขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้และความสามารถของแพทย์ โดยหากใช้เทคนิคแบบใหม่อย่าง LAMS จะรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิม เนื่องจากใช้เพียงยาชาเฉพาะจุด ไม่ต้องวางยาสลบ และเครื่องมือมีขนาดเล็ก อาจมีความรู้สึกตึงหรือบวมหลังทำเล็กน้อย ซึ่งสามารถควบคุมอาการได้ด้วยการพักผ่อนและใส่ชุดกระชับตามคำแนะนำของแพทย์

ดูดไขมันทั้งตัวกี่วันเห็นผล

หลังดูดไขมันทั้งตัว ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงประมาณ 1–2 สัปดาห์แรก โดยร่างกายจะยังมีอาการบวมเล็กน้อยซึ่งจะค่อย ๆ ลดลง และเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นภายใน 1–3 เดือน ทั้งนี้ ระยะเวลาเห็นผลอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับระบบเผาผลาญ การดูแลตัวเองหลังทำ และความยืดหยุ่นของผิวหนังในแต่ละคน

ทำไมควรเลือกดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS ที่ 365mc Thailand

การดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS ที่ 365mc Thailand เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการลดความเจ็บและผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยมาตรฐานจากต้นแบบด้านการดูดไขมันเฉพาะทางเทคนิค LAMS โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ใช้แผลขนาดเล็ก เจ็บน้อย ไม่ต้องวางยาสลบ และฟื้นตัวไว แถมยังดำเนินการโดยทีมแพทย์ของเรา 365mc Thailand พร้อมระบบติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิด

 

หากคุณกำลังมองหาวิธีปรับรูปร่างทั้งตัวแบบเจ็บน้อย เห็นผลไว และไม่ต้องพักฟื้นนาน การดูดไขมันทั้งตัวด้วยเทคนิค LAMS ที่ 365mc Thailand เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งค่ะ หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมเข้ามาได้เลยนะคะ

ช่องทางติดต่อ
Te : 064-932-3365
Line : @365mcthailand
Facebook : 365mc Thailand 
IG : 365mc_thailand
Tiktok : 365mcthailand
Youtube : 365mcThailandOfficial

 

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัท ฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ 365mc Thailand สาขาเพลินจิต

ทีมแพทย์ดูดไขมัน จาก 365mc

Lim Junyong

ผู้อำนวยการโรงพยาบาล

Lee Seonghun

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล

Lim Hyunjae

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล

Choi Hyungyoon

MD

Lee Suyun

MD

Pichaya Uawongprayoon, M.D.

การศึกษาและอาชีพ