การปรับรูปร่างและการจัดการไขมันส่วนเกินมีความก้าวหน้าอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการลดไขมันและแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ที่มักตามมาหลังการดูดไขมัน ซึ่ง BodyTite ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจ ซึ่งจะดีจริงไหม ทำแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักเกี่ยวกับเทคโนโลยี BodyTite ทั้งด้านกลไกการทำงาน ประโยชน์ และข้อพิจารณาด้านความเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างให้สมส่วนและกระชับยิ่งขึ้น
BodyTite คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร
BodyTite คือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยี Radiofrequency Assisted Lipolysis (RFAL) หรือการใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่ (Radiofrequency – RF) ในการสลายเซลล์ไขมันและกระชับผิวหนังไปพร้อมกัน โดยหลักการทำงานของ BodyTite มีความเฉพาะเจาะจง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้อุปกรณ์ที่มีหัววัดสองส่วน ดังนี้
- หัววัดภายใน (Internal Electrode) : ถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนังผ่านแผลขนาดเล็ก และปล่อยพลังงาน RF เข้าไปในชั้นไขมัน มีหน้าที่สลายเซลล์ไขมันให้กลายเป็นของเหลว และช่วยกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว
- หัววัดภายนอก (External Electrode) : วางอยู่บนผิวหนังด้านนอก ทำหน้าที่เป็นตัวรับพลังงาน RF และควบคุมอุณหภูมิผิวภายนอก เพื่อให้มั่นใจในการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการกระชับผิวหนังชั้นบน
BodyTite เจ็บไหม
การดูดไขมันด้วย BodyTite มักมีตัวช่วยเพื่อลดความเจ็บปวดในระหว่างกระบวนการ พร้อมฟังก์ชันควบคุมอุณหภูมิที่ค่อนข้างแม่นยำ ช่วยลดความบอบช้ำต่อเนื้อเยื่อและโอกาสการเกิดความร้อนสูงเกินไปในบริเวณที่ทำการรักษา ภายหลังการผ่าตัด ผู้รับบริการอาจมีอาการปวดระบมเล็กน้อยคล้ายกับการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ตามการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม

จุดเด่นและข้อดีของเทคโนโลยี BodyTite
BodyTite ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาไขมันส่วนเกิน ควบคู่ไปกับการแก้ไขภาวะผิวหย่อนคล้อยที่มักเกิดขึ้นภายหลังการดูดไขมัน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ BodyTite มักเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งยังมีข้อดีอื่น ๆ ที่ตอบโจท์อีกหลากหลาย เช่น
- ลดไขมันและกระชับผิว : BodyTite สามารถลดไขมันส่วนเกิน และในขณะเดียวกันก็เสริมการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษากระชับขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่การดูดไขมันแบบดั้งเดิมทำได้จำกัด
- แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว : BodyTite จัดอยู่ในกลุ่ม Minimally Invasive Procedure ซึ่งเป็นการทำหัตถการที่ใช้แผลขนาดเล็กเพื่อสอดหัววัดเข้าไปใต้ผิวหนัง ช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ ลดอาการบวมช้ำ
- ผลลัพธ์เรียบเนียน ลดปัญหาผิวเป็นคลื่น : มีการกระตุ้นการหดตัวของผิวหนังไปพร้อมกับการลดไขมัน ทำให้ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย หรือผิวไม่เรียบเนียน มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลง
- มีการวัดอุณหภูมิแบบ Real-Time : มีเครื่องมือวัดอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ ทั้งบริเวณหัววัดภายในและภายนอก ช่วยให้สามารถควบคุมระดับความร้อนที่ส่งผ่านเนื้อเยื่อได้ โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูงเกินไป
- เป็นทางเลือกสำหรับคนไม่อยากผ่าตัดใหญ่ : ใช้คลื่นวิทยุเพื่อลดการสะสมของไขมันพร้อมกันกับการกระตุ้นการหดตัวของผิว ช่วยให้รู้สึกสบาย รุกล้ำร่างกายน้อยจึงช่วยลดระยะเวลาในการพักฟื้น
BodyTite มีหัวแบบไหนบ้าง
เทคโนโลยี BodyTite ถูกพัฒนาให้มีชุดหัวอุปกรณ์เฉพาะทางที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละหัวถูกออกแบบมาเพื่อส่งมอบพลังงานคลื่นวิทยุได้อย่างเหมาะสมกับลักษณะของไขมันและความหนาของผิวหนังในแต่ละบริเวณ การเลือกใช้หัวอุปกรณ์ที่ถูกต้องจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการรักษา
BodyTite
เป็นหัวอุปกรณ์มาตรฐานที่ใช้สำหรับการปรับรูปร่างในบริเวณร่างกายที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เน้นลดไขมันสะสมในปริมาณปานกลางถึงมาก โดยใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่เฉพาะ พร้อมทั้งส่งเสริมการหดตัวและกระชับของผิวหนังที่หย่อนคล้อยไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับพื้นที่หลัก ๆ เช่น หน้าท้อง ต้นขา สะโพก หรือต้นแขน
FaceTite
คือหัวอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอโดยเฉพาะ มีขนาดที่เล็กและละเอียดกว่า BodyTite เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงโครงสร้างใบหน้า เน้นการลดไขมันส่วนเกินบริเวณคางสองชั้น (เหนียง) และการกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิว ช่วยในการปรับรูปหน้าส่วนล่างและกระชับผิวบริเวณลำคอให้ดูคมชัดขึ้น
AccuTite
เป็นหัวอุปกรณ์ขนาดเล็กซึ่งค่อนข้างมีความแม่นยำ เหมาะกับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่เข้าถึงได้ยากหรือบอบบาง ใช้เพื่อกระชับผิวหนังในพื้นที่จำกัดที่ต้องการความละเอียด เช่น บริเวณรอบดวงตา การทำงานเน้นการส่งผ่านพลังงานอย่างจำเพาะเจาะจง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การกระชับในบริเวณที่ต้องการ
ทำ BodyTite กี่ครั้งเห็นผล
BodyTite ถูกออกแบบมาเพื่อมอบผลลัพธ์การดูดไขมันทและกระชับรูปร่างที่ค่อนข้างชัดเจน โดยผลลัพธ์เบื้องต้นจะสามารถสังเกตเห็นได้หลังทำ อย่างไรก็ตามการเห็นผลลัพธ์ที่สมบูรณ์และผิวหนังมีความกระชับเต็มที่อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนชุดใหม่ขึ้นอย่างเหมาะสม ทั้งนี้จำนวนครั้งในการทำอาจต้องอาศัยการประเมินของแพทย์หรือผู้ให้บริการ สำหรับผู้รับบริการแต่ละราย

BodyTite เหมาะกับใคร
BodyTite เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่เฉพาะ ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดปริมาณไขมันสะสมและกระตุ้นการหดตัวของผิวหนังได้ในคราวเดียวกัน จึงเป็นทางเลือกซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในการกระชับสัดส่วน โดยไม่ต้องการเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ และมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยภายหลังการลดไขมัน รวมถึงกลุ่มผู้ใช้บริการดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในการลดไขมันและกระชับผิวไปพร้อมกัน
- ผู้ที่ต้องการวิธีที่มีแผลเล็ก เจ็บน้อย และมีระยะเวลาพักฟื้นไม่นาน
- ผู้ที่มีไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ แต่ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่หรือดูดไขมันแบบเดิม
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินที่ไม่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลางจากการสะสมไขมัน หรือหลังจากการลดน้ำหนัก
BodyTite ไม่เหมาะกับใคร
ถึงแม้ว่า BodyTite จะเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจ และค่อนข้างปลอดภัย แต่เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง จึงมีข้อจำกัดและข้อห้ามสำหรับกลุ่มบุคคลบางประเภทที่ไม่ควรเข้ารับการรักษาด้วย BodyTite ดังต่อไปนี้
- สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะทำการรักษา
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดแผลเป็นคีลอยด์ง่าย (ควรปรึกษาแพทย์)
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย
- ผู้ที่มีความคาดหวังที่ไม่สมจริง หรือต้องการลดไขมันปริมาณที่มากเกิน
ข้อควรระวังของ BodyTite
หลังการทำหัตถการดูดไขมันและยกกระชับผิวด้วย BodyTite ผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่มักได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตามในบางกรณีอาจทำให้เกิดความเสี่ยงขึ้นได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อควรระวังเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเตรียมความพร้อมและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ ดังนี้
- ความเสี่ยงจากการใช้ความร้อน : มีโอกาสเกิดแผลไหม้ที่ผิวหนังภายนอก หรือทำลายเนื้อเยื่อภายในจากความร้อนของคลื่นวิทยุ หากการควบคุมอุณหภูมิไม่เหมาะสม
- ความเสียหายต่อเส้นประสาทและอาการชา : อาจเกิดอาการชา รู้สึกแปลบ หรือรู้สึกเสียวซ่าชั่วคราวในบริเวณที่ทำการรักษา เนื่องจากเส้นประสาทชั่วคราวถูกกระทบกระเทือน ซึ่งมักจะหายไปเอง แต่ในบางกรณีอาจใช้เวลานาน
- ภาวะแทรกซ้อนจากการสลายไขมัน : อาจมีอาการบวม รอยช้ำและเลือดออกหลังหัตถการ รวมถึงการสะสมของน้ำเหลืองใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจต้องได้รับการระบายออก
- ผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ : อาจเกิดความไม่เรียบเนียนของผิวหนัง รอยบุ๋ม หรือการดูดไขมันออกมากเกินไปในบางบริเวณ หากเทคนิคของแพทย์ไม่แม่นยำ
- การเปลี่ยนแปลงของสีผิว : อาจเกิดภาวะที่ผิวหนังบริเวณที่รักษาคล้ำขึ้นหรือจางลง จากกระบวนการทำหัตถการ
- การพักฟื้น : ต้องเผื่อเวลาสำหรับการพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนักในช่วงแรกหลังทำ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างเหมาะสม
การเตรียมตัวก่อนทำ BodyTite
เพื่อให้การดูดไขมันด้วย BodyTite เป็นไปอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การเตรียมความพร้อมทางร่างกายถือว่ามีความสำคัญ โดยเฉพาะการปรับพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ยาบางชนิดในช่วงเวลาก่อนการทำหัตถการ เช่น
- การประเมินสุขภาพและปรึกษาแพทย์ : เข้ารับการประเมินความพร้อมและแจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว รวมถึงรายการยาและอาหารเสริมที่ทานอยู่เป็นประจำให้แพทย์ทราบ
- การจัดการยาและอาหารเสริม : หยุดการทานยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน น้ำมันปลา หรือวิตามินอี อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- การงดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ : งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อ
- การเตรียมพร้อมสำหรับยาสลบ/ยาชา : หากมีการวางแผนใช้ยาสลบหรือยานอนหลับ จะต้องงดน้ำและอาหารตามระยะเวลาที่กำหนด (โดยทั่วไปประมาณ 6-8 ชั่วโมง)
- สุขอนามัย : อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยก่อนเข้ารับการรักษา และงดการทาโลชั่น ครีม หรือน้ำหอมบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
สรุป
BodyTite คือเทคโนโลยีเพื่อลดไขมันและกระชับผิว ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เข้าไปช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินพร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปในตัว ซึ่งวิธีนี้ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่จึงทำให้มีแผลค่อนข้างเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวได้ไว พร้อมช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังดูดไขมันได้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนและยกกระชับผิวตามร่างกายหรือใบหน้า ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการประเมินจากแพทย์หรือผู้ให้บริการเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง
สำหรับใครที่สนใจอยากดูแลรูปร่างด้วยโปรแกรมดูดไขมัน LAMS หรือทำหัตถการประเภทอื่นกับ 365 Mc Thailand ของเรา ก็สามารถติดต่อสอบถาม หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ช่องทางติดต่อ
Te : 064-932-3365
Line : @365mcthailand
Facebook : 365mc Thailand
IG : 365mc_thailand
Tiktok : 365mcthailand
Youtube : 365mcThailandOfficial