การดูดไขมันฟังดูเป็นทางลัดสู่หุ่นเพรียว หน้าท้องแบนราบ หรือสัดส่วนในฝันที่หลายคนปรารถนา ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้การกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดดูเป็นเรื่องง่ายและได้ผลรวดเร็วทันใจ แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกวิธีนี้เพื่อปรับรูปร่าง การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงการดูดไขมัน ข้อเสียหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงข้อจำกัดต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เราตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและมั่นใจที่สุด โดยไม่มองข้ามข้อมูลสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจในระยะยาว
ดูดไขมันข้อเสียมีอะไรบ้าง
ก่อนที่เราจะตัดสินใจก้าวเข้าสู่ห้องผ่าตัด หรือเลือกใช้เทคนิคดูดไขมันใด ๆ การทำความเข้าใจถึงโปรแกรมดูดไขมัน ข้อเสียต่าง ๆ เพื่อให้สามารถประเมินและเตรียมตัวรับมือได้อย่างถูกต้อง มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรพิจารณาก่อนเลือกโปรแกรมดูดไขมัน
- รอยแผลเป็น แม้แผลจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังคงทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ซึ่งอาจจางลงตามกาลเวลา แต่ไม่หายไปทั้งหมด และตำแหน่งหรือลักษณะของแผลเป็นอาจแตกต่างกันไป
- ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ เช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่นๆ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด แม้จะพบได้น้อยหากทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ไม่ใช่การลดน้ำหนักโดยรวม การดูดไขมันเน้นการปรับรูปร่างเฉพาะส่วน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาโรคอ้วน หรือใช้แทนการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักโดยรวมได้
- ความเสี่ยงจากยาสลบหรือยาชา หากทำภายใต้การดมยาสลบ ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาสลบ หรืออาจมีอาการแพ้ยาชาเฉพาะที่ได้ในบางราย
- อาการชาหรือการรับความรู้สึกเปลี่ยนแปลง อาจมีอาการชา รู้สึกแปล๊บๆ หรือการรับความรู้สึกที่ผิวหนังบริเวณที่ทำการดูดไขมันเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง แต่บางรายอาจคงอยู่นานหรือถาวร
- ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง แม้จะเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่ก็มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ไขมันอุดตันในเส้นเลือด หรือการบาดเจ็บต่ออวัยวะภายใน
ดูดไขมันข้อเสียจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การดูดไขมันถือเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปมาก แต่ก็ยังคงเป็นการศัลยกรรมที่ย่อมมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาได้ การทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือกับผลข้างเคียงเหล่านี้ล่วงหน้า จะช่วยให้คุณดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง ลดความกังวล และช่วยให้ผลลัพธ์ของการดูดไขมันเป็นไปอย่างน่าพอใจที่สุด มาดูกันว่าผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังการดูดไขมันมีอะไรบ้างที่คุณควรรู้
อาการบวมและช้ำ
เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุดและเป็นเรื่องปกติหลังการดูดไขมัน ข้อเสียคืออาจเกิดจากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและเส้นเลือดฝอยในบริเวณที่ทำการรักษา อาการบวมอาจคงอยู่หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ส่วนรอยช้ำมักจะค่อยๆ จางหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์ การสวมชุดกระชับตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
อาการปวดและตึงผิวหนัง
การดูดไขมัน ข้อเสียคืออาจมีความรู้สึกปวด ตึง หรือระคายเคืองบริเวณที่ดูดไขมันเป็นเรื่องปกติ สามารถจัดการได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งจ่าย อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ทุเลาลงภายในไม่กี่วันถึงสัปดาห์ ผิวหนังอาจรู้สึกตึงในช่วงแรกเนื่องจากอาการบวมและการสมานตัวของเนื้อเยื่อ
มีของเหลวไหลจากแผล
ในช่วง 1-3 วันแรกหลังการดูดไขมัน ข้อเสียคืออาจมีของเหลวสีชมพูอ่อนๆไหลซึมออกมาจากแผลผ่าตัดขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและช่วยลดอาการบวมได้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ผ้าก๊อซซับไว้ และควรดูแลความสะอาดของแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผิวเป็นคลื่นหรือไม่เรียบเนียน
อาจพบว่าผิวหนังบริเวณที่ดูดไขมันมีลักษณะเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียน หรือเป็นก้อนไตแข็ง ๆ ได้ ซึ่งอาจเกิดจากการดูดไขมันที่ไม่สม่ำเสมอ การสมานแผลภายใน หรือปริมาณไขมันที่ถูกดูดออกไป บางกรณีอาจดีขึ้นเองตามเวลา การนวด หรืออาจต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม
ผิวหย่อนคล้อย
ในผู้ที่มีความยืดหยุ่นของผิวหนังน้อย หรือในกรณีที่ดูดไขมันออกไปในปริมาณมาก ผิวหนังอาจไม่สามารถหดกระชับกลับเข้ารูปได้สนิท ทำให้เกิดภาวะผิวหย่อนคล้อยตามมา การดูดไขมันไม่ได้ช่วยเรื่องการยกกระชับผิวโดยตรง หากมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องพิจารณาทำหัตถการอื่นเพื่อยกกระชับผิวร่วมด้วย
สรุป ดูดไขมันข้อเสียมีอะไรบ้าง เทคนิค LAMS ดีกว่ายังไง
แม้การดูดไขมันจะช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ทันที แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรรู้ เช่น รอยแผลเล็กจากตำแหน่งเปิดแผล ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อาการบวมช้ำ ปวดหรือตึงผิวที่อาจอยู่ได้นานหลายสัปดาห์ รวมถึงโอกาสเกิดผิวไม่เรียบหรือเป็นคลื่น โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวยืดหยุ่นน้อย นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากยาชาและยาสลบ และต้องเข้าใจว่าการดูดไขมันไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก แต่เป็นการปรับสัดส่วนเฉพาะจุดเท่านั้น
เทคนิค LAMS จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดข้อจำกัดเหล่านี้ ด้วยการใช้พลังงานที่อ่อนโยนและค่อนข้างแม่นยำกว่า ทำให้บาดเจ็บน้อยลง เจ็บน้อย ฟื้นตัวไวขึ้น และช่วยให้พื้นผิวหลังทำเรียบเนียนสม่ำเสมอขึ้น ลดโอกาสเกิดคลื่นหรือไตแข็ง จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์สวยเป็นธรรมชาติ พร้อมความปลอดภัยกว่าเดิม