- หน้าแรก
- ดูดไขมัน
- ดูดไขมันหัวหน่าว
ดูดไขมันหัวหน่าว ลดความนูน ปรับให้เรียบเนียนอย่างมั่นใจ
ปัญหาเนินหัวหน่าวนูนป่องหรือเป้าตุงจนไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำและกางเกงรัดรูป เป็นเรื่องกวนใจที่สาว ๆ หลายคนมองข้ามไม่ได้เพราะแม้จะพยายามลดน้ำหนักหรือออกกำลังกายหนักแค่ไหน ไขมันสะสมบริเวณนี้ก็มักจะไม่ลดลงตามไปด้วย การดูดไขมันหัวหน่าวจึงเป็นทางออกที่ช่วยปรับสรีระจุดซ่อนเร้นให้ดูสมส่วนและคืนความมั่นใจในการแต่งตัวให้กลับมาอีกครั้ง บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกรายละเอียดตั้งแต่สาเหตุ ขั้นตอนการทำ ความเสี่ยง ไปจนถึงการดูแลตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
หัวหน่าว คืออะไร อยู่ส่วนไหน
หัวหน่าว คือเนินเนื้อนุ่มบริเวณกระดูกเชิงกรานที่อยู่เหนืออวัยวะเพศหญิงตามธรรมชาติ แต่สาเหตุที่นูนป่องจนผิดปกติ เกิดจากการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังที่หนาตัวขึ้นไม่ว่าจะจากกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนหรือน้ำหนักตัว ทำให้แม้จะผอมลงแต่ไขมันส่วนนี้กลับไม่ลดตาม จนกลายเป็นปัญหาเวลาใส่เสื้อผ้า
ไขมันหัวหน่าว เกิดจากอะไร
ไขมันหัวหน่าวหรือเนินหัวหน่าวนูนป่อง เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยผสมผสานกัน ทั้งโครงสร้างร่างกายเดิมและการเปลี่ยนแปลงทางสรีระในภายหลัง โดยสาเหตุหลักมักเกิดจากสิ่งเหล่านี้
- พันธุกรรม: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยบางคนมีโครงสร้างร่างกายที่สะสมไขมันบริเวณนี้ได้ง่ายเป็นพิเศษ แม้จะเป็นคนผอมหรือออกกำลังกายหนักก็อาจลดส่วนนี้ได้ยาก
- น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น: เมื่อร่างกายมีภาวะน้ำหนักเกิน ไขมันส่วนเกินจะกระจายไปสะสมตามส่วนต่างๆ รวมถึงบริเวณหัวหน่าวทำให้นูนหนาขึ้น
- แผลผ่าตัดคลอด: รอยแผลเป็นจากการผ่าคลอดที่รัดตึงอาจทำให้เนื้อเยื่อและไขมันบริเวณเหนือแผล หัวหน่าว ดูนูนป่องหรือห้อยย้อยลงมาทับรอยแผล
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง ที่เปลี่ยนแปลงในช่วงวัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์หรือวัยทอง มีผลต่อการกระจายตัวของไขมันมาสะสมในบริเวณนี้
- การตั้งครรภ์: ร่างกายจะสะสมไขมันบริเวณหน้าท้องและหัวหน่าวมากขึ้นตามธรรมชาติเพื่อปกป้องครรภ์ ซึ่งไขมันเหล่านี้อาจหลงเหลืออยู่แม้คลอดบุตรไปแล้ว
- ความหย่อนคล้อยตามวัย: เมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังที่สูญเสียความยืดหยุ่นอาจหย่อนตัวลงมารวมกองกันทำให้ดูเหมือนมีเนื้อหรือไขมันสะสมเยอะกว่าความเป็นจริง
ข้อดีของการดูดไขมันหัวหน่าว
การดูดไขมันหัวหน่าวช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดเองได้ยาก ช่วยปรับสรีระช่วงล่างให้แบนราบดูสวยงามขึ้น และส่งผลดีทั้งต่อภาพลักษณ์และความรู้สึก ดังนี้
- เพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัว: หมดกังวลปัญหาเป้าตุง หรือเนินนูนจนเห็นกลีบชัด (Camel Toe) เมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ชุดออกกำลังกาย หรือกางเกงรัดรูป
- ปรับสรีระให้ดูสมส่วนและอ่อนเยาว์: ช่วยลดความนูนหนาและความหย่อนคล้อยทำให้เนินหัวหน่าวดูแบนราบ กระชับ
- แก้ไขปัญหารอยนูนเหนือแผลผ่าคลอด: ช่วยปรับผิวบริเวณเหนือรอยแผลผ่าตัดคลอดที่มักมีเนื้อกองหรือนูนป่องให้กลับมาเรียบเนียนเสมอกับหน้าท้องส่วนล่าง
- ลดอุปสรรคในกิจกรรมต่าง ๆ: ลดความรำคาญจากการเสียดสีขณะออกกำลังกายหรือลดแรงกระแทกที่อาจทำให้เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- เห็นผลได้นานถ้ารักษาน้ำหนัก: หากดูแลน้ำหนักตัวให้คงที่เซลล์ไขมันที่ถูกดูดออกไปแล้วจะไม่กลับมาเพิ่มจำนวนขึ้นอีกทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนาน
- แผลเล็กและพักฟื้นไว: เป็นหัตถการขนาดเล็ก แผลเจาะมีขนาดเล็กมากซ่อนอยู่ในร่มผ้าและใช้เวลาพักฟื้นสั้นกว่าการผ่าตัดใหญ่
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหลังดูดไขมันหัวหน่าว
แม้การดูดไขมันหัวหน่าวจะเป็นหัตถการขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดดังนี้
- อาการบวมช้ำและระบม: เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ โดยรอยช้ำอาจเคลื่อนตัวต่ำลงไปที่บริเวณอวัยวะเพศตามแรงโน้มถ่วง แต่จะค่อย ๆ หายไปเอง
- ผิวหนังหย่อนคล้อยหรือไม่เรียบ: หากดูดไขมันออกมากเกินไปในขณะที่ผิวหนังเดิมไม่มีความยืดหยุ่น อาจทำให้ผิวบริเวณหัวหน่าวเหี่ยวย่นหรือเป็นคลื่นได้
- เกิดก้อนไตแข็ง: อาจคลำเจอก้อนแข็งๆ ใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของร่างกาย หรือมีน้ำเหลืองคั่ง โดยมักต้องใช้การนวดกระชับช่วยให้ดีขึ้น
- อาการชาชั่วคราว: เส้นประสาทฝอยบริเวณนั้นอาจได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้รู้สึกชาหรือความรู้สึกทางเพศลดลงชั่วคราว มักจะกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่เดือน
- ความเสี่ยงในการติดเชื้อ: เนื่องจากเป็นจุดอับชื้นและอยู่ใกล้ทางเดินปัสสาวะ หากดูแลแผลไม่ดีอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแผลหายช้าได้
ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมันหัวหน่าว
การดูดไขมันหัวหน่าวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดได้ยาก และต้องการปรับปรุงสรีระเพื่อเสริมความมั่นใจในการแต่งตัวและการใช้ชีวิต โดยกลุ่มที่เหมาะสมได้แก่
- ผู้ที่มีเนินหัวหน่าวนูนใหญ่จากพันธุกรรม: แม้จะเป็นคนผอมหรือรูปร่างดีแต่กลับมีไขมันสะสมบริเวณหัวหน่าวมากผิดปกติจนดูไม่สมส่วน
- ผู้ที่ออกกำลังกายแล้วสัดส่วนนี้ไม่ลดลง: พยายามลดน้ำหนักและคุมอาหารแล้วแต่ไขมันบริเวณหัวหน่าวยังคงอยู่ไม่สามารถกำจัดออกได้ด้วยวิธีธรรมชาติ
- ผู้ที่ขาดความมั่นใจเมื่อใส่ชุดรัดรูป: มีปัญหายิ้มเห็นเหงือกหรือเป้าตุงนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อสวมชุดว่ายน้ำ ชุดออกกำลังกายหรือกางเกงเลกกิ้ง
- คุณแม่หลังคลอดหรือผู้ที่มีแผลผ่าตัด: ผู้ที่มีเนื้อกองหรือนูนป่องอยู่เหนือรอยแผลผ่าตัดคลอด ทำให้หน้าท้องส่วนล่างดูไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหาในการใช้ชีวิต: รู้สึกอึดอัด เจ็บ หรือเกิดการเสียดสีบริเวณเป้ากางเกงขณะเดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงความไม่มั่นใจในเรื่องเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่มีสภาพผิวหนังยืดหยุ่นดี: ควรเป็นผู้ที่ผิวหนังยังมีความกระชับไม่หย่อนคล้อยมากเกินไป เพื่อให้หลังดูดไขมันแล้วผิวหนังหดรัดตัวกลับมาเรียบเนียนได้ดี
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันหัวหน่าว
การดูดไขมันหัวหน่าวช่วยปรับสรีระจุดซ่อนเร้นให้นูนน้อยลงและเพิ่มความมั่นใจ แต่หัตถการนี้มีข้อจำกัดและไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยผู้ที่ไม่ควรทำหรือต้องปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดมีดังนี้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด โรคหัวใจหรือโรคเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
- ผู้ที่ปัญหาเกิดจากผิวหนังหย่อนคล้อย: หากเนินหัวหน่าวนูนเพราะผิวหนังห้อยย้อยมากกว่าไขมันสะสมการดูดไขมันอาจทำให้ผิวยิ่งย่น
- ผู้ที่มีภาวะไส้เลื่อน: ในบางกรณีความนูนอาจเกิดจากไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ ซึ่งการดูดไขมันไม่สามารถรักษาได้และอาจเป็นอันตราย
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ควรรอให้พ้นช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตรไปก่อน เพื่อความปลอดภัยและให้ฮอร์โมนกลับสู่ภาวะปกติ
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาก: ควรลดน้ำหนักโดยรวมให้เข้าที่ก่อน เพื่อให้เห็นสรีระที่แท้จริงก่อนพิจารณาดูดไขมันเฉพาะจุด
- ผู้ที่มีการติดเชื้อบริเวณจุดซ่อนเร้น: ต้องรักษาอาการติดเชื้อหรืออักเสบของผิวหนังบริเวณนั้นให้หายดีเสียก่อน
การเตรียมตัวก่อนดูดไขมันหัวหน่าว
การเตรียมร่างกายให้พร้อมมีความสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ดีขณะผ่าตัดและลดอาการบวมช้ำหลังทำ โดยมีข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่เคร่งครัดดังนี้
- งดยา วิตามิน และอาหารเสริม: ต้องงดกลุ่มยาแอสไพริน ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วยและสมุนไพรทุกชนิดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะมีผลทำให้เลือดใสและหยุดไหลยาก
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: ควรงดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะสารในบุหรี่และแอลกอฮอล์จะทำให้แผลหายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อและทำให้เกิดอาการบวมช้ำนานกว่าปกติ
- หลีกเลี่ยงช่วงมีประจำเดือน: ไม่ควรนัดผ่าตัดในช่วงที่มีรอบเดือนหรือใกล้จะมีรอบเดือน เพราะเป็นบริเวณจุดซ่อนเร้น อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายและดูแลความสะอาดลำบาก
- งดการโกนขนก่อนมาทำ: แนะนำให้สอบถามคลินิกก่อนเพราะแพทย์บางท่านอาจต้องการเห็นแนวขนเพื่อออกแบบทรง แต่หากต้องโกนควรให้พยาบาลโกนให้หน้างานเพื่อความสะอาด
- การงดน้ำและอาหาร: ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร แต่แนะนำให้ทานรองท้องเพียงเบา ๆ หากเป็นการดูดไขมันแบบใช้ยาชาเฉพาะที่
- เตรียมเสื้อผ้าสีเข้มและหลวม: ในวันผ่าตัดควรสวมกางเกงสีเข้ม หลวม ๆ สวมใส่สบายไม่รัดเป้า เพื่อความสะดวกตอนกลับบ้านและป้องกันเลอะคราบน้ำเกลือหรือยาฆ่าเชื้อ
ขั้นตอนการดูดไขมันหัวหน่าว
ขั้นตอนการดูดไขมันหัวหน่าวไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอย่างที่คิด เป็นเพียงการผ่าตัดเล็กที่ใช้เวลาทำไม่นานประมาณ 30-45 นาที โดยแพทย์จะเน้นความละเอียดประณีตเพื่อปรับสรีระให้แบนราบดูเป็นธรรมชาติ ดังนี้
- ปรึกษาและออกแบบ: แพทย์จะตรวจเช็กสภาพผิว ประเมินปริมาณไขมัน และวาดจุดกำหนดตำแหน่งเพื่อวางแผนการเหลาเนินให้รับกับสรีระ
- ใส่ยาชาเทคนิคพิเศษ: เป็นการฉีดน้ำเกลือผสมยาชาเข้าสู่ชั้นไขมัน ช่วยให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ ช่วยขยายช่องว่างระหว่างเซลล์ไขมัน และลดการเสียเลือด
- เปิดแผลขนาดเล็ก: แพทย์จะเจาะรูเปิดแผลขนาดเล็กมากเพียง 2-3 มิลลิเมตร บริเวณขอบบิกินี่ไลน์หรือจุดซ่อนเร้น เพื่อซ่อนรอยแผลให้เนียนไปกับผิว
- สลายและดูดไขมัน: ใช้เครื่องดูดไขมันพร้อมท่อขนาดเล็กพิเศษเข้าไปสลายเซลล์ไขมันให้แตกตัวและดูดออกมาอย่างเบามือ เพื่อให้ผิวเรียบเนียน ไม่เป็นคลื่นบุ๋ม
- เย็บปิดแผล: เมื่อเอาไขมันออกจนได้รูปทรงที่สวยงามแล้ว แพทย์จะเย็บปิดปากแผลแล้วจึงปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ พร้อมให้สวมกางเกงกระชับ
วิธีดูแลตนเองหลังดูดไขมันหัวหน่าว
การดูแลหลังทำเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อให้แผลแห้งไว ลดอาการบวมช้ำ และทำให้เนินหัวหน่าวยุบราบเรียบได้รูปทรงสวย ซึ่งมีวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นดังนี้
- สวมกางเกงกระชับ: ควรใส่ตลอด 24 ชม. ในช่วงประมาณ 3-7 วันแรกหรือตามแพทย์สั่ง เพื่อกดทับไม่ให้เลือดคั่งและช่วยจัดทรงผิวหนังให้แนบสนิท
- รักษาความสะอาดแผล: ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำในช่วง 2-3 วันแรก เช็ดทำความสะอาดเบาๆ และซับให้แห้งอยู่เสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดกิจกรรมกระทบกระเทือน: ควรงดการมีเพศสัมพันธ์และงดออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลอักเสบหรือฉีกขาด
- คุมอาหาร: งดของหมักดอง แอลกอฮอล์และอาหารรสเค็มจัด เพราะโซเดียมจะกระตุ้นให้แผลบวมน้ำและเข้าที่ช้าลง
- ทานยาตามแพทย์สั่ง: รับประทานยาแก้อักเสบและลดบวมให้ครบถ้วน สังเกตอาการผิดปกติ และไปตรวจติดตามผลตามนัดทุกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมันหัวหน่าว
ดูดไขมันหัวหน่าวเจ็บไหม?
ขณะทำจะไม่รู้สึกเจ็บเพราะมีการใช้ยาชาหรือยาสลบ หลังทำอาจมีอาการระบมคล้ายกล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อยซึ่งสามารถทานยาแก้ปวดบรรเทาได้
หลังดูดไขมันหัวหน่าวต้องพักฟื้นกี่วัน?
โดยทั่วไปใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3-7 วัน ก็สามารถกลับไปทำงานเบา ๆ ได้ แต่ควรงดกิจกรรมหนักในช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์แรก
ดูดไขมันหัวหน่าวจะมีแผลเป็นไหม แผลอยู่ตรงไหน?
แผลมีขนาดเล็กมากประมาณ 2-3 มม. โดยแพทย์จะซ่อนรอยแผลไว้บริเวณขอบบิกินี่หรือในแนวขนทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนและจางลงได้เอง
หลังดูดไขมันหัวหน่าวสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไหร่?
ควรงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อยประมาณ 4-6 สัปดาห์หรือจนกว่าแผลจะหายสนิทและยุบบวมดี เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน
ดูดไขมันหัวหน่าวแล้วจะมีความรู้สึกทางเพศลดลงไหม?
การดูดไขมันหัวหน่าวไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกทางเพศ แต่อาจมีอาการชาชั่วคราวในช่วงแรกซึ่งจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติเมื่อแผลหายดี
ผู้ชายสามารถดูดไขมันหัวหน่าวได้ไหม?
สามารถทำได้ในผู้ชายที่มีไขมันหัวหน่าวเยอะจนปิดบังโคนอวัยวะเพศ การดูดไขมันจะช่วยให้น้องชายดูยาวขึ้นและเสริมความมั่นใจได้
สรุปดูดไขมันหัวหน่าว
การดูดไขมันหัวหน่าวเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเนินเป้าตุงหรือนูนป่องจากกรรมพันธุ์และไขมันสะสมที่ลดยาก ช่วยปรับสรีระจุดซ่อนเร้นให้แบนราบ กระชับ คืนความมั่นใจในการสวมใส่ชุดว่ายน้ำและกางเกงรัดรูป ถือเป็นหัตถการเล็กที่ค่อนข้างปลอดภัย ซ่อนรอยแผลและพักฟื้นไม่นาน
หากท่านใดสนใจปรับสรีระเพิ่มความมั่นใจ สามารถส่งรูปมาประเมินหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ช่องทางติดต่อ
Te : 064-932-3365
Line : @365mcthailand
Facebook : 365mc Thailand
IG : 365mc_thailand
Tiktok : 365mcthailand
Youtube : 365mcThailandOfficial
ทีมแพทย์ดูดไขมัน จาก 365mc
Pichaya Uawongprayoon, M.D.
ว.38451
Pichaya Uawongprayoon, M.D.
ว.55241