- หน้าแรก
- ดูดไขมัน
ดูดไขมัน กระชับสัดส่วน ทำตำแหน่งไหนได้บ้าง เจ็บไหม พักฟื้นกี่วัน
ร่างกายที่ดูกระชับเป็นสิ่งที่หลายคนปราถนา เพราะนอกจากจะช่วยให้สวมใส่เสื้อผ้าที่ชอบได้หลากหลาย ก็ยังส่งผลต่อความมั่นใจ ทำให้เทคโนโลยีการดูดไขมัน กลายเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยม แต่หลายคนก็มักมีข้อสงสัยและความกังวลใจเกิดขึ้น ว่าการดูดไขมันนั้นทำในส่วนไหนได้บ้าง ทำแล้วความรู้สึกเป็นอย่างไร และมีอะไรที่ควรรู้อีกบ้างก่อนใช้บริการ วันนี้เราพร้อมตอบแล้วเพื่อช่วยให้ทุกคนเตรียมความพร้อมได้ดีมากขึ้น
ดูดไขมัน คืออะไร
ดูดไขมัน (Liposuction) คือกระบวนการทางศัลยกรรมเพื่อการปรับสัดส่วนเรือนร่าง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดการกับเซลล์ไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกจากร่างกายในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งอาศัยเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีท่อขนาดเล็กเรียกว่าแคนนูล่า สอดผ่านรอยเปิดผิวหนังขนาดเล็ก เพื่อดูดเซลล์ไขมันในบริเวณเป้าหมายออกมา หรือวิธีการอื่น ๆ ตามเทคนิคการดูดไขมันที่เลือกใช้
ดูดไขมันเจ็บไหม
โดยทั่วไประหว่างการทำหัตถการจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก เพราะมักจะมีการให้ยาชาหรือยาสลบเพื่อควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งหลังการดูดไขมันอาจมีอาการเจ็บ ระบม หรือบวมเกิดขึ้นในบริเวณที่ทำ ซึ่งเป็นภาวะปกติที่พบได้ โดยอาการดังกล่าวสามารถบรรเทาและควบคุมได้ด้วยการทานยาตามคำแนะนำ ทั้งนี้ระดับความเจ็บและระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับบริเวณและเทคนิคที่ใช้ในการรักษา
ตำแหน่งที่นิยมดูดไขมัน
การดูดไขมันสามารถทำได้ในหลายบริเวณที่มักมีการสะสมของไขมันส่วนเกิน โดยแพทย์จะทำการประเมินโครงสร้างทางกายภาพและปริมาณไขมันของแต่ละบุคคลเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งบริเวณที่นิยมทำหัตถการโดยทั่วไปก็ได้แก่
- ดูดไขมันหน้าท้อง : ครอบคลุมทั้งหน้าท้องส่วนบนและส่วนล่าง เพื่อลดปริมาณไขมันสะสม ทำให้หน้าท้องแบนราบและได้สัดส่วน
- ดูดไขมันเอวและปีกหลัง : เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณด้านข้างลำตัว สร้างส่วนโค้งเว้าของเอวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ดูดไขมันต้นขา : สามารถทำได้ทั้งต้นขาด้านใน เพื่อลดการเสียดสี และต้นขาด้านนอก เพื่อปรับแนวขาให้ดูเรียบเนียนและสมส่วน
- ดูดไขมันต้นแขน : เพื่อลดปริมาณไขมันสะสมบริเวณท้องแขน ทำให้ต้นแขนดูกระชับและมีขนาดเล็กลง
- ดูดไขมันใต้คาง : หรือที่เรียกว่าเหนียงเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินใต้คาง เพื่อปรับกรอบหน้าให้มีความคมชัดยิ่งขึ้น
- ดูดไขมันสะโพกและหลังส่วนล่าง : เพื่อลดขนาดของสะโพกให้ได้สัดส่วนที่สมดุล และกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณบั้นเอว
- ดูดไขมันหัวหน่าว : เพื่อลดไขมันสะสมที่ทำให้เกิดความนูน ช่วยเสริมความมั่นใจเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูป เช่น ชุดว่ายน้ำ หรือกางเกงเลกกิ้ง
ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมัน
แม้ว่าการดูดไขมันจะเป็นหัตถการที่ช่วยปรับสัดส่วน แต่อาจไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นผู้ที่เหมาะสมต่อการเข้ารับบริการดังกล่าว ดังนั้นการพิจารณาคุณสมบัติและความพร้อมของผู้ที่สนใจจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม โดยแพทย์จะประเมินจากปัจจัยหลายด้าน เช่น
- มีสุขภาพกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ : ไม่มีโรคประจำตัวที่รุนแรง หรือมีภาวะเจ็บป่วยที่อาจส่งผลกระทบต่อการผ่าตัดและการฟื้นตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้
- มีน้ำหนักตัวที่คงที่และอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม : โดยทั่วไปควรมีดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สูงเกินไป และมีน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างคงที่เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- มีไขมันสะสมเฉพาะส่วน : มีปัญหาไขมันส่วนเกินที่สะสมเป็นก้อนในบางบริเวณของร่างกาย ซึ่งไม่สมส่วนกับรูปร่างโดยรวม
- มีความยืดหยุ่นของผิวหนังที่ดี : ผิวหนังที่ดีจะสามารถหดรัดตัวกลับเข้ารูปได้ดีหลังจากการนำไขมันออกไป หากผิวหนังมีความหย่อนคล้อยมาก อาจต้องพิจารณาทำหัตถการยกกระชับร่วมด้วย
- มีความคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นจริง : ผู้เข้ารับบริการควรเข้าใจว่าการดูดไขมันเป็นการปรับปรุงสัดส่วนให้ดีขึ้น ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกาย
ข้อดีของการดูดไขมัน
ปัจจุบันมีหัตถการทางการแพทย์หลายวิธีที่ช่วยในการลดไขมันและปรับปรุงสัดส่วน ซึ่งการดูดไขมันเป็นหนึ่งในทางเลือกที่กำลังเป็นที่รู้จัก โดยมีข้อดีหลายประการที่สามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เช่น
- เป็นทางเลือกในการลดไขมันบริเวณที่อาจลดได้ยาก ด้วยการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว เช่น หน้าท้อง เอว สะโพก หรือต้นขา
- ช่วยให้สัดส่วนของร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น และปรับรูปร่างในบริเวณที่ทำการรักษาให้มีขนาดเล็กลงหรือได้รูปทรงตามที่ประเมินไว้
- ลดจำนวนเซลล์ไขมันในบริเวณที่ทำ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ดีเมื่อผู้เข้ารับบริการสามารถรักษาน้ำหนักตัวโดยรวมให้คงที่
- หลังเข้ารับบริการและอาการบวมค่อย ๆ ยุบลง จะสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนได้ โดยผลลัพธ์จะมีความชัดเจนขึ้นตามลำดับ
- แผลค่อนข้างมีขนาดเล็ก ด้วยเทคนิคและเครื่องมือในปัจจุบัน ทำให้รอยแผลมีขนาดเล็ก ซึ่งโดยทั่วไปแพทย์จะเลือกเปิดแผลในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ยาก
ข้อจำกัดของการดูดไขมันที่ควรรู้
เพื่อให้มีความเข้าใจที่ครอบคลุมและมีความคาดหวังต่อผลลัพธ์ที่เป็นจริง การทราบถึงข้อจำกัดของการดูดไขมันจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการทราบข้อดี โดยมีประเด็นที่ควรพิจารณาดังนี้ เช่น
- ไม่ใช่การลดน้ำหนัก : การดูดไขมันเป็นหัตถการเพื่อการปรับสัดส่วน และลดไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักโดยรวมของร่างกาย ปริมาณไขมันที่นำออกไปมีผลต่อน้ำหนักตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- ไม่สามารถกำจัดเซลลูไลท์ได้ : เซลลูไลท์เกิดจากโครงสร้างของชั้นไขมันและพังผืดใต้ผิวหนัง การดูดไขมันซึ่งเป็นการนำไขมันในชั้นลึกออกไป จึงไม่สามารถแก้ไขลักษณะผิวเปลือกส้มของเซลลูไลท์ได้
ไม่ช่วยแก้ปัญหา - ผิวหนังหย่อนคล้อย : ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย การนำไขมันออกไปอาจทำให้ความหย่อนคล้อยชัดเจนขึ้น หากความยืดหยุ่นของผิวไม่ดีพอ อาจต้องทำหัตถการยกกระชับร่วมด้วย
- ผลลัพธ์ไม่ถาวรหากไม่ควบคุมน้ำหนัก : แม้เซลล์ไขมันในบริเวณที่ดูดออกไปจะถูกจัดการ แต่หากผู้เข้ารับบริการไม่ดูแลควบคุมอาหารและมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ไขมันก็สามารถกลับไปสะสมในบริเวณอื่นของร่างกายได
- มีความเสี่ยงและอาจเกิดผลข้างเคียง : การดูดไขมันอาจมีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ การเสียเลือด หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ผิวหนังไม่เรียบสม่ำเสมอ มีรอยบุ๋ม เกิดรอยคลื่น หรือความรู้สึกบริเวณผิวหนังเปลี่ยนแปลงไป
- ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นและรอผลลัพธ์ : หลังทำหัตถการจะมีอาการบวม ช้ำ ซึ่งต้องใช้เวลาในการพักฟื้น และผลลัพธ์สุดท้ายอาจยังไม่ปรากฏชัดเจนในทันที โดยทั่วไปอาจใช้เวลา 3-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ดูดไขมันด้วยวิธีไหนได้บ้าง
การดูดไขมันในสมัยนี้มีเทคนิคและเครื่องมือให้เลือกใช้หลากหลาย โดยแต่ละวิธีจะมีหลักการทำงาน จุดเด่น และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป ซึ่งการเลือกใช้จะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ตามลักษณะปัญหาและเป้าหมายของแต่ละบุคคล เช่น
- โปรแกรม Tumescent Liposuction : เป็นเทคนิคที่พบได้บ่อยในการดูดไขมัน โดยศัลยแพทย์จะฉีดสารละลายที่ประกอบด้วยน้ำเกลือ ยาชา และยาที่ทำให้หลอดเลือดหดตัวก่อนเริ่มทำหัตถการ เพื่อช่วยลดการเสียเลือด ลดความเจ็บปวด
- โปรแกรม VASER (Ultrasound-Assisted Liposuction) : เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ เพื่อสลายเซลล์ไขมันให้มีสถานะเป็นของเหลว ก่อนจะดูดไขมันออกมา จึงช่วยลดการกระทบกระเทือนต่อเส้นเลือดและเส้นประสาท
- โปรแกรม BodyTite (Radiofrequency-Assisted Liposuction) : ใช้พลังงาน Radiofrequency ในการสร้างความร้อนเพื่อสลายไขมัน พร้อมกับกระตุ้นการหดตัวของเส้นใยคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งมีจุดเด่นในการช่วยยกกระชับผิว ลดปัญหาความหย่อนคล้อยหลังการดูดไขมัน
- โปรแกรม Power-Assisted Liposuction (PAL) : เป็นเทคนิคที่ใช้แคนนูล่าที่มีการสั่นสะเทือนด้วยความเร็วสูง เพื่อช่วยสลายไขมันที่มีลักษณะเป็นพังผืดหรือมีความหนาแน่นสูง ทำให้ศัลยแพทย์สามารถกำจัดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น
- โปรแกรม LAMS (Local Anesthetic Minimal-Invasive Liposuction) : เป็นการดูดไขมันซึ่งมีลักษณะเป็นหัตถการขนาดเล็ก ไม่ต้องวางยาสลบ แผลมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่าการดูดไขมันทั่วไป และใช้เวลาพักฟื้นสั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดการไขมันในบริเวณที่ไม่ใหญ่มากนัก
วิธีการเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน
เพื่อให้การดูดไขมันเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ การเตรียมความพร้อมของผู้เข้ารับบริการก็ถือเป็นอีกขั้นตอนสำคัญ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของร่างกายภายหลังการทำหัตถการ เช่น
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว ประวัติการผ่าตัด ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร และภาวะสุขภาพที่เป็นอยู่ทั้งหมด
- แจ้งรายชื่อยา วิตามิน และอาหารเสริมทุกชนิดที่กำลังทานอยู่ เนื่องจากบางชนิดอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอน ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด เนื่องจากมีผลต่อการไหลเวียนโลหิตและการฟื้นตัวของแผล
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและสมุนไพรบางชนิด อย่างน้อย 1-2 หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วย เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมเต็มที่สำหรับการผ่าตัดและการฟื้นตัว
ขั้นตอนการทำการดูดไขมัน
รายละเอียดของขั้นตอนการดูดไขมันอาจมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเทคนิคและเครื่องมือที่แต่ละสถานพยาบาลเลือกใช้ โดยมีหลักการพื้นฐานที่คล้ายคลึงกันดังนี้
- การเตรียมพื้นที่กำจัดไขมัน : เริ่มจากการใช้เครื่องมือเพื่อสลายพังผืดและเปิดทางในชั้นไขมัน ทำให้ชั้นไขมันคลายตัวลงและพร้อมสำหรับการกำจัดในขั้นตอนต่อไปได้อย่างราบรื่น
- การดูดไขมันส่วนเกินออก : ทำการดูดไขมันสะสมส่วนเกินออกจากบริเวณที่ต้องการ โดยขั้นตอนนี้จะเน้นการนำไขมันก้อนใหญ่ออกไปก่อนเพื่อลดปริมาณไขมันโดยรวม
- การสลายไขมันที่ตกค้าง : จะมีการฉีดสารละลายเข้าไปเพื่อช่วยสลายเซลล์ไขมันขนาดเล็กที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เป็นการเก็บรายละเอียดให้ผิวดูเรียบเนียนที่สุด
- การแนะนำแผนดูแลหลังดูดไขมัน : ปิดท้ายด้วยแผนการดูแลตัวเองหลังการดูดไขมัน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับไขมันที่สลายตัวแล้วออกไปตามกลไกธรรมชาติ
ข้อห้ามและการดูแลหลังดูดไขมัน
หลังดูดไขมัน การดูแลตนเองคือปัจจัยที่ส่งต่อผลลัพธ์และการฟื้นตัว รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ซึ่งมีข้อห้ามและแนวทางปฏิบัติที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้ผลลัพธ์การรักษาเป็นไปด้วยดีหลากหลาย เช่น
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการออกกำลังกายที่ต้องเกร็งกล้ามเนื้อ รวมถึงกิจกรรมที่ต้องมีการกระแทกหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำในอ่าง ว่ายน้ำในสระหรือทะเล หรือการแช่น้ำทุกชนิด จนกว่าแผลผ่าตัดจะปิดสนิทและแห้งดี
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังการดูดไขมัน
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารหมักดองหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารที่มีปริมาณไขมันสูง ของทอด ของมัน หรือของหวาน
- พักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก ควรลดกิจกรรมต่าง ๆ ลงเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวเต็มที่
- ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ การดื่มน้ำจะช่วยลดอาการบวมและช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมาได้ดีขึ้น
- ขยับร่างกายเบา ๆ ควรเริ่มเดินหรือขยับตัวเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ดูดไขมันที่ไหนดี ต้องเช็กอะไรบ้าง
การเลือกสถานพยาบาลเพื่อเข้ารับบริการดูดไขมัน จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อประเมินว่าผู้ให้บริการจะสามารถดูแลให้ปลอดภัยได้ และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ โดยควรตรวจสอบและประเมินตามหัวข้อเบื้องต้นดังต่อไปนี้
- ตรวจสอบว่าแพทย์ได้รับการรับรองจากแพทยสภาหรือไม่
- ขอดูภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังดูดไขมัน จากผู้รับบริการรายอื่น
- กระบวนการให้คำปรึกษาของแพทย์ควรให้ข้อมูลอย่างละเอียด ตรงไปตรงมา
- สถานพยาบาลต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- พื้นที่บริการต้องมีความสะอาด ปลอดเชื้อ และมีอุปกรณ์ครบครัน
- ค่าใช้จ่ายจะต้องโปร่งใส มีการแจ้งรายละเอียดอย่างชัด
รีวิวผลลัพธ์หลังดูดไขมันที่ 365 Mc Thailand
คุณนิ้งเป็นอีกหนึ่งเสียงของความประทับใจในผลลัพธ์หลังดูดไขมัน หลังเข้ารับบริการจริงที่ 365 McThailand โดยเคสนี้เราใช้เทคนิคการดูดไขมันแบบโปรแกรม LAMS ซึ่งช่วยให้แผลมีขนาดเล็ก โดยตลอดขั้นตอนการทำและหลังทำนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น รู้สึกผ่อนคลายและสบายตัว แม้จะเป็นการดูดไขมันครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมาก ทั้งยังดูดเอาไขมันออกมาได้เยอะกว่าที่คิดไว้อีกด้วย
คุณแมงปอตัดสินใจแก้ปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องและรอบเอว 34 นิ้วที่บั่นทอนความมั่นใจ ด้วยการเลือกทำโปรแกรมดูดไขมันเทคนิค LAMS ซึ่งสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ถึง 30 LAMS ส่งผลให้รอบเอวลดลงเหลือเพียง 32 นิ้ว ทำให้รูปร่างกลับมาดูเพรียวกระชับและสมส่วนอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ที่เจ็บน้อยและพักฟื้นสบาย คุณแมงปอจึงได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ในเคสของคุณขนมเป็นคนที่มีโครงหน้าดีอยู่แล้ว แต่ประสบปัญหาไขมันสะสมใต้คาง (เหนียง) ซึ่งบดบังทำให้กรอบหน้าไม่คมชัด จึงได้เลือกใช้โปรแกรม LAMS ในการดูดไขมันบริเวณดังกล่าวออกไปเพื่อแก้ปัญหาคางสองชั้น หลังการดูดไขมันเธอรู้สึกเพียงความตึงเล็กน้อยคล้ายอาการปวดกล้ามเนื้อ พร้อมรอยช้ำและบวมตามปกติ แต่ด้วยความเจ็บที่น้อยมาก ทำให้คุณขนมสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและดูแลตัวเองได้ในทันที
คุณโบว์มีปัญหาต้นแขนใหญ่ทำให้ไม่สมส่วนกับรูปร่าง ซึ่งส่งผลต่อการแต่งตัวและการถ่ายรูปอย่างมาก เธอจึงตัดสินใจแก้ไขข้อกังวลนี้ด้วยการเข้ารับโปรแกรมดูดไขมันแขนเทคนิค LAMS หลังทำเพียงไม่นาน เธอก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยอาการบวมและรอยช้ำลดลงค่อนข้างเร็ว และเมื่อครบหนึ่งเดือน ผลลัพธ์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ด้วยต้นแขนที่เรียวกระชับและรอยแผลที่จางจนแทบมองไม่เห็น
ดูดไขมันราคาเท่าไหร่ อัปเดตโปรโมชันพิเศษที่ 365mc
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่สนใจโปรแกรมดูดไขมันและต้องการวางแผนค่าใช้จ่าย เราจึงได้ทำการอัปเดตราคาโปรโมชันล่าสุด ซึ่งเป็นราคาพิเศษสำหรับผู้ที่เข้ารับบริการระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 30 พฤศจิกายน 2568 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ดูดไขมันจุดเล็ก เหนียง หนอกคอ นมน้อย หัวเข่า น่อง 19,800 บาท
- ดูดไขมันเหนียง 24,900 บาท
- ดูดไขมันหน้าท้องแบบเหมา Size S/M 89,000 บาท
- ดูดไขมันต้นแขน เหมาแบบ Size S/M 45,000 บาท
*ราคาดังกล่าวเป็นโปรโมชันพิเศษตามช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาสอบถามข้อมูลล่าสุดกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน
ดูดไขมันพักฟื้นกี่วัน
โดยทั่วไปผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปทำกิจกรรมเบา ๆ ได้ภายใน 3-7 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณไขมันที่ดูดออกไป ส่วนการฟื้นตัวเต็มที่เพื่อให้สัดส่วนเข้าที่และยุบบวมสนิท อาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 1-3 เดือนขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้)
หลังดูดไขมันบวมกี่วัน
อาการบวมจะเกิดขึ้นและเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังทำ ซึ่งเป็นกระบวนการตอบสนองตามปกติของร่างกาย หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง และจะยุบลงจนเกือบเป็นปกติภายในระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน
ดูดไขมันอันตรายไหม
การดูดไขมันค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่อาจมีความเสี่ยงอย่างการติดเชื้อ หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยา อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวสามารถควบคุมและลดลงได้ หากทำโดยแพทย์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
ดูดไขมันกับฉีดสลายไขมันอันไหนดีกว่า
การดูดไขมัน เหมาะสำหรับการกำจัดไขมันส่วนเกินปริมาณมากเพื่อปรับรูปร่างและสัดส่วน ซึ่งมีผลลัพธ์ค่อนข้างชัดเจน ในขณะที่การฉีดสลายไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดในปริมาณไม่มากนัก และจำเป็นต้องเข้ารับบริการซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
สรุปตำแหน่งที่นิยมดูดไขมันและความรู้สึกหลังทำ
การดูดไขมันเป็นหัตถการที่นิยมทำในบริเวณที่มีไขมันสะสม เช่น หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขา ซึ่งภายหลังการดูดไขมัน ผู้เข้ารับบริการอาจพบกับอาการเจ็บ ระบม หรือบวมในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาการเหล่านี้ถือเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นได้ในกระบวนการฟื้นตัวของร่างกาย โดยสามารถบรรเทาได้ด้วยการดูแลตนเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สำหรับใครที่สนใจอยากดูแลรูปร่างด้วยโปรแกรมดูดไขมัน หรือทำหัตถการประเภทอื่นกับ 365mc ของเรา ก็สามารถติดต่อสอบถาม หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
แหล่งอ้างอิง
Mayo Clinic. (n.d.). Liposuction. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/liposuction/about/pac-20384586
Cleveland Clinic. (n.d.). Liposuction. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/11009-liposuction
Dalia, S., & Tataria, K. (2023). Liposuction. National Center for Biotechnology Information. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK563135/
ทีมแพทย์ดูดไขมัน จาก 365mc
Pichaya Uawongprayoon, M.D.
ว.38451
Pichaya Uawongprayoon, M.D.
ว.55241